แว่นกรองแสงสำหรับเล่นเกม

แว่นกรองแสงสำหรับเล่นเกม แก้ปวดตาจริง หรือแค่กระแส?

เกมเมอร์หลายท่านที่กำลังอ่านบทความนี้ คงคุ้นเคยกับอาการไม่สบายตา ไม่ว่าจะเป็น อาการปวดตา ตาล้า หรือตาแห้ง ที่เกิดขึ้นหลังจากการเล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาการเหล่านี้ไม่เพียงแต่รบกวนสมาธิในการเล่น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย หลายคนอาจมองหา “แว่นกรองแสงสำหรับเล่นเกม” เป็นทางออก แต่คำถามสำคัญคือ ช่วยได้จริงหรือเป็นแค่กระแส?

ในฐานะจักษุแพทย์ บทความนี้จะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงต้นตอของปัญหา และให้คำตอบที่ชัดเจนว่าแว่นแบบไหนที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง หากคุณมีอาการ ตาแดง ตาแห้ง หรือตาอักเสบ ร่วมด้วย ควรอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุและการรักษาที่ถูกต้องได้ที่นี่ นอกจากนี้ หากตามีอาการอักเสบ ควรอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตาอักเสบ

Key Takeaways: สรุปประเด็นสำคัญ

  • ปัญหาหลักไม่ใช่แสงสีฟ้า: สาเหตุหลักของอาการปวดตาในกลุ่มเกมเมอร์คือ ภาวะตาล้าจากเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Eye Strain – DES) ซึ่งเกิดจากการที่ดวงตาต้องทำงานหนักเกินไป ไม่ใช่เพราะแสงสีฟ้าโดยตรง
  • ต้นเหตุที่แท้จริง: การจ้องหน้าจอทำให้ อัตราการกะพริบตาลดลง และเกิด ภาวะเพ่งค้าง ของกล้ามเนื้อตา ซึ่งเป็นปัญหาที่แท้จริง แว่นที่ดีต้องช่วยลดภาระของดวงตาในส่วนนี้ ไม่ใช่แค่การเคลือบฟิลเตอร์สีฟ้า
  • เลือกให้เป็น: แว่นเกมมิ่งที่มีประสิทธิภาพต้องมี เลนส์คุณภาพสูง ที่ออกแบบมาเพื่อลดอาการ DES มี ดีไซน์ที่เหมาะกับการใช้งาน เช่น ขาแว่นบาง ไม่กดทับเมื่อใส่หูฟัง และควรใช้ควบคู่กับ กฎ 20-20-20 เพื่อปกป้องดวงตาในระยะยาว หากคุณกำลังมองหา แว่นกรองแสง

ทำไมเกมเมอร์ถึงปวดตา? และ แว่นกรองแสง คือคำตอบจริงหรือ?

เป็นเรื่องจริงที่เกมเมอร์ต้องใช้สายตาจ้องหน้าจอต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ทำให้ดวงตารับแสงจากจอในปริมาณมาก และเมื่อเราตั้งใจเล่นเกม สมาธิที่จดจ่อจะทำให้เราลืมกะพริบตา โดยไม่รู้ตัว ซึ่งส่งผลให้ตาแห้งและเกิดอาการไม่สบายตาตามมา แว่นกรองแสงจึงถูกมองว่าเป็นตัวช่วยสำคัญที่สามารถลดปัญหาเหล่านี้ได้ แต่การจะเข้าใจว่ามันช่วยได้อย่างไร เราต้องมองให้ลึกกว่าแค่เรื่อง “แสงสีฟ้า”

อาการปวดตาของเกมเมอร์ ไม่ใช่แค่ แสงสีฟ้า แต่คือ Digital Eye Strain

อาการปวดตาของเกมเมอร์ ไม่ใช่แค่ แสงสีฟ้า แต่คือ Digital Eye Strain

แม้แสงสีฟ้าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่หลายคนกังวล แต่ในทางการแพทย์แล้ว ศัตรูตัวฉกาจของเกมเมอร์คือภาวะที่เรียกว่า Digital Eye Strain (DES) หรืออาจรู้จักในชื่อ Computer Vision Syndrome (CVS) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นจากการใช้สายตากับหน้าจอดิจิทัลเป็นเวลานานเกินไป

ตามข้อมูลจาก สมาคมนักทัศนมาตรแห่งสหรัฐอเมริกา ภาวะ DES เกิดจากการที่ดวงตาและสมองต้องทำงานหนักกว่าปกติเพื่อประมวลผลภาพบนหน้าจอ ซึ่งแตกต่างจากการอ่านหนังสือที่เป็นตัวอักษรนิ่งๆ และมีขอบเขตคมชัด หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะนี้ สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ของ American Optometric Association ซึ่งอธิบายถึงสาเหตุและอาการของ Computer Vision Syndrome ไว้อย่างละเอียด

รู้จัก 3 กลไกหลักของ Digital Eye Strain (DES) ที่ทำให้คุณปวดตา

ภาวะ DES เกิดจาก 3 สาเหตุหลัก

ภาวะ DES เกิดจาก 3 สาเหตุหลักที่ทำงานร่วมกันขณะที่คุณกำลังจดจ่ออยู่กับเกม

  1. การกะพริบตาน้อยลง: โดยปกติคนเราจะกะพริบตาประมาณ 15-20 ครั้งต่อนาที แต่เมื่อจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ อัตรานี้จะลดลงเหลือเพียง 5-7 ครั้งต่อนาที การกะพริบตาที่น้อยลงทำให้น้ำตาระเหยเร็วขึ้น ผิวตาขาดความชุ่มชื้น นำไปสู่ อาการตาแห้ง แสบตา ปวดกระบอกตา และน้ำตาไหล ได้
  2. ภาวะเพ่งค้าง: การมองหน้าจอซึ่งอยู่ในระยะใกล้ ทำให้กล้ามเนื้อในลูกตา ต้องทำงานหนักเพื่อปรับเลนส์ตาให้หนาขึ้น เพื่อโฟกัสภาพให้คมชัด ลองจินตนาการเหมือนการที่เราต้องเกร็งกล้ามเนื้อแขนค้างไว้เป็นเวลานานๆ สุดท้ายกล้ามเนื้อก็จะล้าและปวด เมื่อกล้ามเนื้อตาเพ่งค้างนานๆ จึงเกิด อาการตาล้า ปวดศีรษะ มองภาพเบลอ หรือปรับโฟกัสได้ช้าลง
  3. ปัญหาการรวมภาพ: เพื่อมองวัตถุที่อยู่ใกล้ ดวงตาทั้งสองข้างจะต้องเบนเข้าหากัน เพื่อรวมภาพให้เป็นภาพเดียว ซึ่งก็ต้องอาศัยการทำงานของกล้ามเนื้อตากลุ่มหนึ่งเช่นกัน การจ้องจอนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อกลุ่มนี้ทำงานหนักจนล้า ส่งผลให้ การรวมภาพทำได้ไม่ดี เกิดอาการเห็นภาพซ้อน ภาพเบลอ และปวดตา

สาเหตุทั้งสามประการนี้คือต้นตอที่แท้จริงของอาการไม่สบายตาส่วนใหญ่ที่เกมเมอร์ต้องเผชิญ

ทำไมการเล่นเกมถึงทำร้ายดวงตา มากกว่าการใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไป?

ทำไมการเล่นเกมถึงทำร้ายดวงตามากกว่าการใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไป?

แม้จะจ้องหน้าจอเหมือนกัน แต่การเล่นเกมมีความต้องการทางสายตาที่หนักหน่วงกว่าการทำงานเอกสารหรือท่องเว็บทั่วไปอย่างมาก

ความต้องการทางสายตาที่แตกต่าง: เมื่อ FPS ไม่เหมือนกับ RPG

เกมแต่ละประเภทต้องการการใช้สายตาและสมองในรูปแบบที่แตกต่างกัน ทำให้ความตึงเครียดของกล้ามเนื้อตาก็ต่างกันไปด้วย

  • เกมประเภท FPS (First-Person Shooter): เช่น Valorant CS:GO หรือ Apex Legends เกมแนวนี้ต้องการ การเคลื่อนไหวของดวงตาที่รวดเร็วและแม่นยำ เพื่อจับเป้าหมายที่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ผู้เล่นต้องสแกนหน้าจอและติดตามเป้าหมายตลอดเวลา ทำให้กล้ามเนื้อตาต้องทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง
  • เกมประเภท RPG (Role-Playing Game) / MMORPG: เช่น Final Fantasy XIV หรือ Genshin Impact แม้เกมแนวนี้จะมีการเคลื่อนไหวไม่รวดเร็วเท่า FPS แต่ผู้เล่นมักจะต้อง อ่านตัวหนังสือขนาดเล็ก เป็นจำนวนมาก ทั้งบทสนทนา รายละเอียดไอเทม หรือสกิลต่างๆ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดภาวะเพ่งค้างได้ง่าย

ผลกระทบต่อประสิทธิภาพ: เมื่ออาการปวดตาลดทอน Reaction Time

อาการปวดตาและตาล้าไม่ได้ส่งผลแค่ความรู้สึกไม่สบาย แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการเล่นเกมอีกด้วย เมื่อดวงตาและสมองเกิดความเครียด จะส่งผลให้ เวลาในการตอบสนอง ช้าลง การรับรู้และประมวลผลต่อสิ่งเร้าลดลง ทำให้การตัดสินใจช้าไปเพียงเสี้ยววินาที ซึ่งอาจเป็นตัวตัดสินผลแพ้ชนะในเกมที่ต้องอาศัยความเร็วสูงได้เลย

เลือกแว่นเกมมิ่งอย่างไร? ให้เหมือนมีจักษุแพทย์ส่วนตัว

เลือกแว่นเกมมิ่งอย่างไร? ให้เหมือนมีจักษุแพทย์ส่วนตัว

การเลือก แว่นกรองแสง ที่เหมาะสมไม่ใช่แค่การซื้อแว่นกรองแสงสีฟ้าสำเร็จรูป แต่คือการเลือก “อุปกรณ์ทางการแพทย์” ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาของคุณโดยเฉพาะ นี่คือ 5 ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา

1. เลือก “ชนิดของเลนส์” ให้ถูกกับปัญหา ไม่ใช่แค่ตามกระแส

แนะนำให้เลือกใช้ เลนส์ย่อบาง เพื่อให้เลนส์มีน้ำหนักเบาและบางลง ทำให้แว่นโดยรวมมีน้ำหนักเบา สวมใส่สบายได้นานหลายชั่วโมงโดยไม่กดทับจมูกหรือหลังหู ซึ่งสำคัญมากสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องใส่แว่นต่อเนื่อง

2. “สารเคลือบเลนส์” (Lens Coatings) อาวุธลับเพิ่มความคมชัดและทนทาน

สารเคลือบเลนส์ หรือโค้ทติ้ง เป็นหัวใจสำคัญ แนะนำให้เลือก เลนส์แว่นตา ที่มี สารเคลือบบลูบล็อก ควบคู่ไปกับ มัลติโค้ท คุณภาพสูง ซึ่งจะให้คุณสมบัติครบถ้วน

  • ตัดแสงสะท้อน: ลดแสงเงาบนผิวเลนส์ ทำให้ภาพคมชัดและสบายตาขึ้น
  • กรองแสงสีฟ้า: ลดปริมาณแสงสีฟ้าพลังงานสูงบางส่วนจากหน้าจอ ซึ่งอาจช่วยให้รู้สึกสบายตาขึ้นเมื่อใช้งานเป็นเวลานาน
  • ป้องกันรังสี UV: ปกป้องดวงตาจากรังสี UV ที่มองไม่เห็น
  • ผิวเลนส์ลื่น: ทำความสะอาดง่าย ป้องกันฝุ่น รอยนิ้วมือ และหยดน้ำเกาะ

3. “วัสดุและดีไซน์ของกรอบแว่น” ความสบายที่วัดผลได้

ควรเลือกกรอบแว่นที่ทำจาก วัสดุน้ำหนักเบาและทนทาน เช่น TR90 Ultem หรือ Titanium ดีไซน์ของกรอบแว่นก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ ขาแว่นควรมีลักษณะแบนและบาง เพื่อให้สามารถใส่ครอบหูฟัง ได้อย่างสบาย ไม่ถูกกดทับจนเจ็บ

4. “สีของเลนส์” เลนส์ใส vs เลนส์เหลือง

  • เลนส์เหลือง/ส้ม: เลนส์ที่มีสีเหลืองอ่อนๆ จะช่วย เพิ่มคอนทราสต์ และให้ความรู้สึกสบายตาในการจ้องจอได้มากกว่าเลนส์ใส แต่ข้อเสียคือสีของภาพจะผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย
  • เลนส์ใส: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความถูกต้องของสีสูงสุด เช่น กราฟิกดีไซเนอร์ หรือเกมเมอร์ที่ซีเรียสเรื่องสีสันในเกม เลนส์ใสที่มีสารเคลือบบลูบล็อกคุณภาพดีก็สามารถช่วยลดอาการตาล้าได้เช่นกัน แม้อาจไม่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเท่าเลนส์สีเหลือง

5. ต้องเป็นแว่นที่ “วัดและประกอบอย่างแม่นยำ” เท่านั้น

นี่คือข้อที่สำคัญที่สุด แว่นเกมมิ่งที่ดีต้องได้รับการตรวจวัดสายตาและประกอบโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ จุดศูนย์กลางของเลนส์ ตรงกับจุดศูนย์กลางของรูม่านตา อย่างสมบูรณ์แบบ การประกอบที่ไม่แม่นยำจะทำให้เกิดปริซึมที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งจะบังคับให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักขึ้น และอาจทำให้ปวดตามากกว่าเดิมเสียอีก

สร้าง Gaming Station ที่ดีต่อสุขภาพตา

สร้าง "Gaming Station" ที่ดีต่อสุขภาพตา

นอกจากแว่นตาแล้ว การปรับสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมก็สำคัญไม่แพ้กัน

  • กฎทองคำ 20-20-20: เป็นเทคนิคที่โปรเกมเมอร์หลายคนใช้ คือ ทุกๆ 20 นาที ให้พักสายตาโดยการมองออกไปไกล 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อให้กล้ามเนื้อตาได้ผ่อนคลายจากการเพ่ง
  • การจัดแสงและหน้าจอ: ปรับความสว่างของหน้าจอให้พอดี ไม่จ้าหรือมืดจนเกินไป และจัดตำแหน่งของโคมไฟไม่ให้มีแสงสะท้อนเข้าตาโดยตรง

อย่าลืมกะพริบตา! พยายามฝึกให้ตัวเองกะพริบตาบ่อยๆ ขณะเล่นเกม เพื่อให้น้ำตาเคลือบผิวตาอยู่เสมอ อาจใช้น้ำตาเทียมเข้าช่วยเมื่อรู้สึกตาแห้งมาก

โภชนาการสำหรับเกมเมอร์ บำรุงสายตาจากภายใน

โภชนาการสำหรับเกมเมอร์: บำรุงสายตาจากภายใน

การดูแลดวงตาจากภายในก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ สารอาหารที่ดีต่อร่างกายมีอะไรบ้าง วันนี้หมอมาแนะนำ

Lutein & Zeaxanthin: สารอาหารสำคัญที่ช่วยปกป้องจอประสาทตา

ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่พบได้มากในบริเวณจุดรับภาพชัดของจอประสาทตา ทำหน้าที่เปรียบเสมือน แว่นกันแดดภายใน ช่วยกรองแสงสีฟ้าและปกป้องเซลล์ประสาทตาจากความเสียหาย มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์พบว่า การเสริมสารอาหารสองชนิดนี้อาจมีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพดวงตาในผู้ที่ต้องใช้งานหน้าจอเป็นเวลานาน

อ้างอิง: งานวิจัยเรื่อง “The Influence of Lutein and Zeaxanthin on Visual Performance” ได้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของสารอาหารเหล่านี้ต่อสุขภาพดวงตา สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ PubMed Central

อาหารที่แนะนำและวิตามินเสริม

  • แหล่งอาหาร: พบมากในผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ปวยเล้ง รวมถึง ข้าวโพด และไข่แดง
  • วิตามินอื่นๆ: วิตามิน A, C, E, สังกะสี และกรดไขมันโอเมก้า-3 ก็ล้วนมีความสำคัญต่อสุขภาพดวงตาเช่นกัน

ข้อควรระวัง: การรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามินใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว

สรุป

ศัตรูที่แท้จริงของดวงตาเกมเมอร์ไม่ใช่แค่ “แสงสีฟ้า” แต่คือภาวะ Digital Eye Strain ที่เกิดจากการทำงานหนักของดวงตาอย่างต่อเนื่อง แว่นกรองแสงสำหรับเล่นเกมที่มีคุณภาพและประกอบอย่างแม่นยำ จึงเปรียบเสมือน “เกราะป้องกัน” ที่ช่วยลดภาระของกล้ามเนื้อตา ทำให้คุณเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพและสบายตามากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องไม่ลืมว่า สถาบันจักษุวิทยาแห่งอเมริกา ยังคงยืนยันว่าไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ชัดว่าแสงสีฟ้าจากหน้าจอดิจิทัลเป็นอันตรายต่อดวงตาโดยตรง ดังนั้น การพักสายตาและปรับพฤติกรรมการใช้งานจึงยังคงเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด

หากคุณยังไม่แน่ใจว่าแว่นชนิดไหนเหมาะกับคุณ หรือมีอาการปวดตารุนแรง สามารถ นัดหมายเพื่อปรึกษาและตรวจวัดสายตาอย่างละเอียดกับนักทัศนมาตรและจักษุแพทย์ของเราได้ที่ Mattaya Vision Center เพื่อรับคำแนะนำที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพดวงตาที่ดีที่สุดของคุณโดยเฉพาะ

ผู้เขียนบทความ

ผู้เขียนบทความ

แพทย์หญิง มัทยา ขวัญอโนชา (หมอหลิน)

จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคตาและการมองเห็น

ด้วยความเชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา จักษุแพทย์ผู้ก่อตั้ง Mattaya Vision Center พร้อมวินิจฉัยและให้คำปรึกษาเฉพาะทางด้านเลนส์โปรเกรสซีฟ เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาสายตาซับซ้อนจากภาวะสายตายาวตามวัย

ประวัติการศึกษา:

  • แพทยศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 1):  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

  • วุฒิบัตรสาขาจักษุวิทยา:  คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

  • วุฒิบัตรการผ่าตัดตกแต่งกล้ามเนื้อตาและตาสองชั้น: Korean College of Cosmetic Surgery (KCCS) ประเทศเกาหลีใต้

ทักแชทปรึกษาฟรี
ทักไลน์ปรึกษาฟรี
สาขาของเรา
×

เบอร์โทรติดต่อ

099-463-6365